ธนาคาร Saxo ได้ออกมาให้คำทำนายที่ค่อนข้างจะสุดลิ่มทิ่มประตู โดยอ้างถึงเหตุผลในครั้งนี้ว่าการใช้จ่ายงบประมาณของนายโดนัล ทรัมป์ สามารถที่จะเป็นเชื้อเพลงในการผลักดันราคาของบิทคอยน์ให้ทะยานขึ้นสูงไปแตะเพดานที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 บิทคอยน์ (ราวๆ 71,000 บาท) รวมถึงการขึ้นราคาของเงินดอลลาร์อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดโลกเริ่มมองหาตัวเลือกการใช้จ่ายอื่นๆ
หลายๆคนเริ่มออกมาทำนายผลกระทบที่จะเกิดขึ้นถึงแผนการการใช้จ่ายงบประมาณของโดนัล ทรัมป์ที่อาจจะส่งผลให้หนี้ของประเทศสูงถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอาจจะกระทบงบประมาณของรัฐที่อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจาก 600 ล้าน เป็น 1.2-1.8 ล้านๆดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 6-10% ของเศรษฐกิจรวมของสหรัฐอเมริกาที่ 18.6 ล้านๆดอลลาร์
นี่อาจส่งผลให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงและอาจบีบให้ทาง Federal Reserve ต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและทำการรัดเข็มขัด ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบไปสู่ตลาดที่เพิ่งเปิดใหม่ และประชาชนทั่วโลกอาจจะต้องมองหาตัวเลือกการใช้จ่ายใหม่ที่ไม่ผูกติดกับธนาคารกลาง
ทางรายงานบอกว่า
“ถ้าระบบธนาคารทั่วโลกหรือประเทศจีนและรัสเซียเริ่มหันมารับบิทคอยน์ควบคู่ไปกับ ค่าเงินดอลลาร์รวมถึงระบบการเงินแบบเก่า นั่นอาจจะทำให้เราได้เห็นราคาของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นเป็นสามเท่าในปีหน้า จากราคา 700 ดอลลาร์ เป็น 2100 ดอลลาร์ก็เป็นได้ โดนสืบเนื่องมาจากธรรมชาติของบิทคอยน์ที่ใช้ใช้เทคโนโลยีแบบการกระจาย และการส่งเงินทั่วโลกที่มีค่าธรรมเนียมแบบต่ำมาก”

จีนเติบโตเกินกว่าที่คาดเดาไว้

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางจีนได้จำกัดการนำเจ้าทองเพื่อป้องกันไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศ โดยทางจีนยังวางแผนที่จะร่างกฏหมายเกี่ยวกับการนำเข้าทองอีกด้วย
จากปัจจัยของความสัมพันธ์กันระหว่างค่าเงินหยวนกับบิทคอยน์ โวลลุ่มการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จีนอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจีนกำลังพยายามหาวิธีแกไขปัญหาการอ่อนค่าของเงินหยวน ซึ่งลดลงถึง 5.8 เปอเซนต์ในปีนี้
ธนาคาร Saxo ยังเผยอีกว่าจีนจะเติบโตขึ้นเกินกว่าที่คาดเดาไว้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยยังบอกอีกด้วยว่าการที่เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงโตช้าช่วงนี้เป็นสิ่งที่เคยทำนายไว้แล้วว่าเกิดจากการที่มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนโดยคิดเป็นแค่ 50% ของ GDP ในขณะที่หนี้ทั้งหมดคิดเป็นถึง 237% ของ GDP
การอัดฉีดจากนโยบายทางการเงินของรัฐบาลจีน บวกกับการเพิ่มงบประมาณเข้าไปในตลาดที่มากขึ้นส่งผลให้จีนมีอัตราการเจริญเติบโตทางด้านการบริโภคสูงขึ้นเกินกว่าที่ทางธนาคาร Saxo ได้คาดการณ์ไว้ โดยตัวเลขอาจพุ่งถึง 8% ในปีหน้า

จำคิม ดอทคอมได้ไหม

วันที่โดนัล ทรัมป์จะเริ่มดำรงตำแหน่งประฐานาธิบดีคนใหม่จะถูกคอนเฟิมอีกทีในเดือนมกราคมที่ตะถึงนี้ โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายคิม ดอทคอมจะเปิดตัวโปรดักใหม่ที่มีชื่อว่า Megaupload 2.0
ทาง Saxo ได้ทำนายถึงราคาของบิทคอยน์ที่จะเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว (ซึ่งนใขณะนี้อยู่ที่ราวๆ 760 ดอลลาร์ต่อ 1 บิทคอยน์) ซึ่งตรงกับที่นายคิม ดอทคอมเคยทำนายไว้ว่าการมาของ Megaupload และโปรดักกระเป๋าเงินบิทคอยน์ใหม่ของพวกเขาที่ชื่อว่า Bitcache สามารถที่จะดึงราคาของทคอยน์ให้สูงถึง 2000 ดอลลาร์ต่อเหรียญได้ โดยอ้างอิงจากคำกล่าวอ้างของทีมงาน Megaupload ว่าโปรดักใหม่ของพวกเขาจะสามารถแก้ปัญหา ”การขยายขนาด” ได้
โดยบริการใหม่ที่ว่านี้ จะเป็นการรวมเอาระบบ Cloud sharing, ระบบป้องกันการแอบฟัง/ดู, ฝากไฟล์วีดีโอ, และบริการ bitcoin caching แบบออนไลน์มาไว้ด้วยกัน โดยอ้างว่าสามารถที่จะให้บริการผู้คนได้ในจำนวนที่เทียบเท่ากับประชากรของประเทศฟิลิปปินส์ (ราวๆ 103 ล้านคน) โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

อินเดียเตรียมพร้อมที่จะรับ Bitcoin แล้ว

ราคาของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นหลังจากที่ประเทศอินเดียประกาศยกเลิกใช้ธันบัตร 500 และ 1000 รูปี รวมถึงข่าวที่ตามมาอีกว่าทางรัฐบาลอินเดียอาจจะแบนการนำเข้าทอง หลังจากที่ราคาของทองพุ่งทะยานขึ้นสูงสุดในรอบสองปีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งสองสิ่งนี้ผนวกกับการตื่นตัวและเริ่มศึกษาค้นคว้าในเรื่องบิทคอยน์ของรัฐบาลอินเดียที่จะแล้วเสร็จก่อนปี 2561 อาจจะส่งผลให้ราคาวิ่งไปถึงจุดที่ทำนายไว้
ในหน้าเว็บไซต์ Payment and Settlement Systems in India: Vision-2018 ของธนาคารกลางอินเดียได้บ่งชี้ว่าทางธนาคารกลางอินเดียจะทำการเฝ้าดูระบบเค้าโครงสำหรับเทคโนโลยี/นวัตกรรมใหม่ เพื่อที่จะ “ให้แน่ใจว่ากฏหมายสามารถที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเทคโนโลยีได้โดยให้ส่งผลกระทบกับการชำระเงิน, การพัฒนาในระดับโลกเช่นเทคโนโลยี blockchain และอื่นๆ จะต้องถูกทำการเฝ้าดูและขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฏหมายตามที่เห็นสมควร”
สิ่งนี้จะทำให้ระบบการใช้จ่ายในประเทศมีสเถียรภาพมากขึ้น เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นเติบโตไวมาก ทางธนาคารกล่าว
ทาง Zebpay ได้ให้สัมภาษณ์กับ Coin Telegraph ว่าการพูดคุยเกี่ยวกับบิทคอยน์ตอนนี้ยังไงก็ต้องมีคำว่าอินเดียมาเกี่ยวข้อง เพราะบิทคอยน์ในอินเดียตอนนี้ถือเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกสำหรับยุคที่คนจะเลิกถือเงิน โดยเฉพาะคนอินเดียนับนับพันล้านคนที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่พวกเขาสามารถเดินไปจับจ่ายใช้สอยได้โดยไม่ต้องพกเงินสดแม้แต่รูปีเดียว
ทาง Zebpay กล่าวว่า “เราได้หลุดออกมาจากยุคใช้สายมาสู่ยุคมือถือสมาร์ทโฟนเต็มตัวแล้ว และอินเดียก็เช่นกันที่หลุดออกมาจากยุคเงินพลาสติกมาสู่ยุคเงินแห่งเทคโนโลยีแล้ว


นายโมหิด คาลรา CEO ของบริษัท Coinsecure มีทัศนคติเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้บิทคอยน์ของชาวอินเดียในปีที่จะถึงนี้เป็นบวก
โดยกล่าวว่า
“ในทางด้านการใช้งาน เราหวังว่าจะได้เห็นผู้ประกอบการร้านค้าในอินเดียรับบิทคอยน์กันมากขึ้น การประกาศยกเลิกธนบัตรจะสามารถช่วยเพิ่มอัตราการใช้งานในหมู่พ่อค้า, ธุรกิจและคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี!”
แหล่งที่มา 
Axact

Axact

Vestibulum bibendum felis sit amet dolor auctor molestie. In dignissim eget nibh id dapibus. Fusce et suscipit orci. Aliquam sit amet urna lorem. Duis eu imperdiet nunc, non imperdiet libero.

Post A Comment: